มหานิยม ผู้ช่วยรัฐมนตรี รับข้อเสนอองค์กรพุทธ ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ
เวลา 10.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร องค์กรชาวพุทธร่วมกับผู้แทนพระสงฆ์ เข้าร้องเรียนรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาการตรวจสอบวัดทั่วประเทศที่อาจกระทบความมั่นคงของพระพุทธศาสนา โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างยิ่งส่ง ดร.นิยม เวชกามา หรือ มหานิยม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับเรื่องด้วยตัวเอง พร้อมย้ำจุดยืนรัฐบาลมุ่งดูแลส่งเสริมพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ
ดร.นิยม เวชกามา “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานด้านพระพุทธศาสนาของรัฐบาล ให้การต้อนรับคณะองค์กรชาวพุทธ รวมทั้งผู้แทนพระสงฆ์จากหลายจังหวัด นำโดย นายประพันธุ์ กิตติฤดีกุล เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ ยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนาปฎิบัติหน้าที่หรือดำเนินการใด ๆ ภานใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อย่างเคร่งครัด โดยคัดค้านการเข้าตรวจสอบพระและการจัดการด้านการเงินของวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยหลังจากยื่นหนังสือแล้ว ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนองค์กรชาวพุทธเข้าร่วมประชุม เพื่อนำเสนอข้อเรียกร้องและแนวทางการทำงานของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “วันนี้ดีใจ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นพระคุณเจ้าจากหลายวัด หลายจังหวัด พร้อมพุทธศาสนิกชนมากมายมาเป็นผู้แทนในการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ที่เร่งรัดเข้าไปตรวจสอบเอกสารตัวตนพระภิกษุ รวมถึงเอกสารการบริหารจัดการบัญชี การเงิน และธุรการต่างๆ ของวัด ทางรัฐบาล โดยท่านรัฐมนตรีสุชาติ ตันเจริญ ท่านได้กำชับว่าให้ทุกอย่างโปร่งใส และได้มีการนำเสนอความคิดเห็นในประเด็นนี้ โดยขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนาได้หยุดการดำเนินการตรวจสอบวัดทั่วประเทศไว้ก่อน และมาร่วมกันประชุมหาแนวทางในการบริหารจัดการร่วมกันกับคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยรัฐบาลเป็นผู้ประสานให้เกิดความเข้าใจอันดีกันทุกฝ่าย เข้าใจว่าทางฝ่ายตรวจสอบก็เร่งตรวจสอบเพราะมีประเด็นร้อน แต่ก็ต้องเข้าใจฝ่ายสงฆ์ ฝ่ายวัดด้วยที่ต้องใช้เวลา ใช้องค์ความรู้ในการเตรียมการบริหารจัดการที่ถูกต้องด้วย เช่น วัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพฯ ก็เพิ่งจะมีการจัดอบรมการจัดการด้านบัญชีให้กับวัดต่างๆ ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการบริหารจัดการตนเอง ให้ความรู้ เพื่อให้พระสงฆ์ได้มีแนวทางในการบริหารจัดการบัญชีของวัด ไม่ใช่เร่งรีบในการตรวจสอบจับผิดอย่างเดียว การให้ความรู้เป็นเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนเช่นกัน ทางรัฐบาลพร้อมรับฟังและเร่งช่วยเหลือสถาบันพระพุทธศาสนา ด้วยความเคารพและตระหนักถึงความสำคัญในการคงอยู่ของพระพุทธศาสนาอันเป็นหนี่งในสถาบันหลักของชาติ”
พระครูปริยัติบุรพศาสน์ วัดบัวระพา ทรายมูล น้ำพอง ขอนแก่น กล่าวว่า ทางวัดโดนเจ้าหน้าที่ขอเอกสารทั้งเอกสารส่วนตัวและเอกสารของวัด ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และเกรงว่าจะถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด หรือหลุดไปสู่มิจฉาชีพซึ่งมีหลากหลายกลุ่มในปัจจุบัน
พระสนมยศ ภูริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดป่าภูผาสูง นครราชสีมา กล่าวว่า อยากให้ดูแลพระสงฆ์ให้มากกว่านี้ เพราะพระที่มาบวชอาจไม่มีความรู้ความเข้าใจระบบบริหารจัดการทั้งการจัดการวัดและการจัดการบัญชีการเงิน หากมีข้อผิดพลาดไม่ควรเป็นอาญาแผ่นดิน
พระชวณิช เปมสีโล วัดจันทร์ใน กรุงเทพฯ กล่าวว่า อยากให้ทุกภาคส่วนมองว่าทางพระ ทางวัด มีหน้าที่หลักในการส่งเสริม สืบทอด คำสอบพระพุทธศาสนา ไม่ใช่การบริหารจัดการเป็นหลัก อยากให้ช่วยกันทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืน
นายประพันธุ์ กิตติฤดีกุล เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า การปกป้องพระพุทธศาสนาต้องใช้หลายๆ ภาคส่วนร่วมมือกัน ให้เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาประจำชาติ และเข้าใจพระสงฆ์ที่มาบวชเรียนธรรมะ ไม่ได้มีความรู้ด้านกฎหมาย การบริหาร หรือการบัญชี หากมีข้อผิดพลาด อยากให้ช่วยเหลือทางวัดมากกว่ามาจับผิดแบบนี้
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 โดยนายภูมิธรรม เวชชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วยหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น สตง. ปปง. ปปท. กรมสรรพากร กรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และองค์กรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลายหน่วยงาน ทั้งนี้มีเป้าหมายในการดำเนินการเชิงรุกที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระภิกษุสงฆ์ ที่มีพฤติกรรมในทางเสื่อมเสีย และเร่งฟื้นฟูศรัทธาและเสริมสร้างพระพุทธศาสนาโดยเร็วที่สุด///////ดร.นิยม เวชกามา













ไม่มีความคิดเห็น